เช้าของวันที่ 2 เรามาเที่ยวหมู่บ้าน Gamcheon Culture Village กันคะ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวบังคับที่ใครมาเยือนปูซานต้องมาถ่ายรูป จนได้ฉายาว่า “Machu Picchu of Busan” วันที่นิดามาพยากรณ์อากาศบอกว่าฝนจะตก ฟ้าเลยไม่ใส แถมระหว่างเดินเที่ยวมีพายุใหญ่มาจริงๆด้วย
ที่ป้ายรถเมล์หน้าปากทางเข้าหมู่บ้าน
หมู่บ้านนี้เกิดจากผู้ลี้ภัยสงครามเกาหลีมาอาศัยอยู่ ตอนหลังรัฐบาลมาส่งเสริมให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในปี 2009 นี้เอง ข้อควรระวัง : เนื่องจากบ้านเกือบทุกหลังมีคนอาศัยอยู่จริงเพราะฉะนั้นไม่ควรส่งเสียงดังรบกวนนะคะ (เดือน มี.ค.-พ.ย. เปิด 9.00-18.00 น.และ ธ.ค.-ก.พ. เปิด 9.00-17.00 น.)
เดินเข้ามาอีกนิดจะเจอ information center แนะนำว่าต้องซื้อแผนที่ราคา 2,000 วอน มิเช่นนั้นโอกาสหลงสูงมาก (ถ้าฝนไม่ตกนิดาคงใช้เวลาที่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมง)
พูดเลยว่าแผนที่ทำไม่ละเอียด ดูแล้วเดินตามยังแอบงง แต่ดีกว่าไม่มีอ่ะนะ
นี่ขนาดไปแต่เช้า ยังเจอนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ รูปก็จะออกมาประมาณนี้ 555
สำหรับคนที่รักการถ่ายรูป รับรองว่าเพลินมากคะ
หลังจากนั้นพายุก็ถาโถมมา เลยต้องหาที่หลบฝน ถึงได้มาค้นพบ hidden gem ร้านนี้ The Plate อร่อยมากกกก กินแล้วถึงกับตกใจ แนะนำเลยคะ
เขาได้ประกาศจากสถานฑูตอังกฤษประจำเกาหลีด้วยนะ คงประมาณว่าทำอาหาร UK ได้เหมือนต้นฉบับและอร่อยประมาณนี้มั้ง
ร้านเล็กและแคบมากๆ ใครอยากรับประทานในร้านเชิญชั้น 2 คะ วิวดีด้วย
ลองสั่งมาชิม 2 อย่าง อร่อยมากทั้งคู่ (เส้นพาสต้าและไส้กรอกที่มีทำเองนะ ถ้าจำไม่ผิด)
หลังพายุสงบ ก็ออกจากร้านเป็นทางเดินลงเขา กดไปประมาณ 20 รูป
เดินมาอีกนิดจะเจอ Gamnaegol Happiness Power Station มีสินค้าที่ทำจากคนในชุมชนมาวางขาย
เดินถ่ายรูปต่อ
ถึงจุดนี้ เราต้องเดินขึ้นบันไดด้านบนหลังหุ่นนะคะ แต่ส่วนนิดาดื้อคะมีคุณลุงเกาหลีส่งภาษาเกาหลีบอกให้เดินขึ้น เราก็ไม่เชื่อเดินลงเขาต่อ กลายเป็นย่านคนอยู่อาศัยของจริงจะกลับตัวเดินขึ้นเขาก็ไม่ทันแล้วเพราะทางชัน กว่าจะเจอป้ายรถเมล์เล่นเอาหอบ
ถามว่าถ้าหิวนอกจากร้าน The Plate แล้ว นิดาเห็นในโบรชัวร์แนะนำร้าน Gamcheon Ajimae Bapjip ขายสตูว์ปลา mackerel ซึ่งเป็นอาหารพื้นถิ่นของปูซาน ใครลองแล้วมาเล่าหน่อยนะคะ เผื่อกลับไปคราวหน้าขอลองบ้าง